| ||
อย่างไรก็ดี การส่งเสริมความเข้มแข็งให้กับชุมชนนั้นไม่ได้เป็นเพียงแค่การ “อัดฉีด” หรือการเพิ่มการจัดสรรงบประมาณลงสู่ท้องถิ่นอย่างเดียวเท่านั้น แต่ต้องรวมไปถึงการสร้างชุมชนทุกระดับตั้งแต่ประเทศจนถึงระดับท้องถิ่นที่กอปรไปด้วยหลักธรรมภิบาล การสร้าง เปลี่ยนแปลงและรักษาวัฒนธรรมต่างๆ ที่ต้องสอดประสานก่อรูปเป็นชุมชนที่สามารถพัฒนาตนเองและพึ่งตนเองได้อย่างยั่งยืน ในแง่นี้ ภาระที่ท้าทายของรัฐและระบบราชการ คือ ทำอย่างไรจึงจะสามารถปรับเปลี่ยนนโยบายและหลักกฎหมายต่างๆ ในการบริหารประเทศในทุกระดับให้สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงของสังคมและวัฒนธรรมได้ โดยไม่สูญเสียสมรรถนะของรัฐต่อการดำรงอยู่ในกระแสโลกาภิวัตน์ โจทย์สำหรับสังคมไทย คือ “สังคมไทยสามารถสร้างชุมชนที่เข้มแข็งทั้งระดับประเทศจนถึงระดับท้องถิ่นภายใต้บริบทโลกที่เปลี่ยนแปลงไปได้หรือไม่?” คำถามหลักนี้เป็นเป้าหมายทางวิชาการที่ชุมชนวิชาการทางรัฐศาสตร์ รัฐประศาสนศาสตร์ นิติศาสตร์และสาขาวิชาอื่นๆ ในการประชุมวิชาการรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์แห่งชาติครั้งที่ 11 ต้องร่วมกันค้นหาคำตอบเพื่อเป็นการสร้างองค์ความรู้และปัญญาให้กับสังคมในการต่อสู้ภายใต้กระแสแห่งความเปลี่ยนแปลง วิทยาลัยการเมืองการปกครอง มหาวิทยาลัยมหาสารคาม เป็นสถาบันอุดมศึกษาของรัฐในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่เปิดการเรียนการสอนทางด้านรัฐศาสตร์ รัฐประศาสนศาสตร์ และนิติศาสตร์ ที่มีหลักสูตรครอบคลุมและมีอัตลักษณ์ที่มุ่งเน้นการเป็นขุมปัญญาด้านการเมืองอีสาน การปกครองและการบริหารจัดการท้องถิ่น ทฤษฎีและประเด็นทางการเมืองร่วมสมัย นโยบายสาธารณะ อนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมไปถึงด้านสิทธิมนุษยชน สันติวิธีและการจัดการความขัดแย้ง ซึ่งสามารถรองรับการประชุมระดับชาติให้บรรลุจุดประสงค์ได | ||
วิทยาลัยการเมืองการปกครอง มหาวิทยาลัยมหาสารคาม โดยการสนับสนุนจากคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ สาขารัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม และองค์กรในระดับชาติและระดับท้องถิ่น วัน เวลา และ สถานที่ อาคารวิทยาลัยการเมืองการปกครอง มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ต.ขามเรียง อ.กันทรวิชัย จ.มหาสารคาม วันพฤหัสบดีที่ 25 - วันศุกร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 ผู้เข้าร่วมประชุม จำนวนประมาณการ 1,000 คน จากกลุ่มเป้าหมาย 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ (1) นักวิชาการทั่วประเทศ เครือข่ายนักวิชาการทางรัฐศาสตร์ นิติศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ ในภาคอีสาน รวมทั้งนักวิชาการสาขาวิชาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง (2) นิสิต นักศึกษาระดับปริญญาตรีและบัณฑิตศึกษา (3) นักวิชาการอิสระ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และสถาบันหรือองค์กรต่างๆ แหล่งสนับสนุนงบประมาณ คณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ สาขารัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) มหาวิทยาลัยมหาสารคาม และองค์กรร่วมจัดอื่นๆ ในระดับชาติ ภูมิภาคและท้องถิ่น | ||
รูปแบบการประชุม เป็นการประชุมทางวิชาการเพื่อนำเสนอผลงานทางวิชาการ ผลงานวิจัย การเสวนา การอภิปราย ในประเด็นทางรัฐศาสตร์ นิติศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ และสาขาวิชาอื่นๆ รวมถึงการนำเสนอ ผลงานวิชาการของนักวิชาการชาวต่างประเทศ | ||
| ||
การนำเสนอผลงานทางวิชาการ
สิ่งที่เกิดขึ้นข้างต้น เป็นเพียงตัวอย่างของผลกระทบจากภาวะโลกาภิวัตน์ที่มีต่อการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม รวมไปถึงวัฒนธรรมทั้งในระดับชุมชนท้องถิ่น ระดับรัฐชาติ ระดับภูมิภาคและระดับโลก นอกจากนั้นผลพวงของภาวะโลกาภิวัตน์ยังก่อให้เกิดหรือกระตุ้นให้ “ประเด็นข้ามชาติ” ต่างๆ มีความสลับซับซ้อนมายิ่งขึ้น ซึ่งตัวอย่างของประเด็นข้ามชาติ คือ แรงงานข้ามชาติ คนพลัดถิ่น สิทธิมนุษยชน การก่อการร้าย การเคลื่อนไหวของขบวนการเคลื่อนไหวทางสังคมระหว่างประเทศ คนชายขอบ เพศสภาพและเพศวิถี เป็นต้น จากกรอบข้างต้นนำมาสู่ประเด็นที่ควรมีการถกเถียงอภิปรายในวงการวิชาการภายใต้กรอบ “โลกาภิวัตน์” คือ (1) ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐที่เปลี่ยนแปลงไปภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์ (2) ภูมิภาคนิยมกับทุนไทย (3) ประชาคมอาเซียนในปี 2015 : ความร่วมมือและอุปสรรคภูมิภาคนิยมกับทุนไทย (4) สิทธิมนุษยชน กับบัญญัติรัฐธรรมนูญไทย (5) ระบบกฎหมายระหว่างประเทศและในประเทศที่ต้องปรับตัวเนื่องจากแรงปะทะของภาวะโลกาภิวัตน์ (6) ผลกระทบของโลกาภิวัตน์ต่อ (ระบบ) รัฐ ทั้งในแง่ของการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และ วัฒนธรรม (7) การจัดการทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในศตวรรษที่21 (8) ประเด็นข้ามชาติต่างๆ ที่เกิดขึ้นภายใต้ภาวะโลกาภิวัตน์ ที่กระทบต่อไทย เช่น แรงงานข้ามชาติ คนพลัดถิ่น การละเมิดสิทธิชุมชน ประเด็น การก่อการร้าย การเคลื่อนไหวของขบวนการเคลื่อนไหวทางสังคม ระหว่างประเทศ ประเด็นเรื่องคนชายขอบ ประเด็นเรื่องกฎหมายกับเพศสภาพและเพศวิถี เป็นต้น ภายใต้ประเด็นหลัก 8 หัวข้อ อาจมีประเด็นย่อยหลายหัวข้อ 2. การเมืองของรัฐและท้องถิ่นไทย ในระดับท้องถิ่นเองได้มีความพยายามที่จะปรับตัวด้วยวิธีการที่แตกต่างหลากหลายเพื่อต่อสู้กับ ความผันผวนที่เกิดจากกระแสของโลกาภิวัตน์ดังกล่าว คือ ความพยายามในการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับรัฐและชุมชนท้องถิ่นในระดับต่างๆ กัน เพื่อให้รัฐและชุมชนเหล่านั้นสามารถแก้ปัญหาที่เกิดจากกระแสโลกาภิวัตน์ อนึ่ง “ท้องถิ่น” ไม่เพียงเป็นกระแสของความนิยมในการศึกษาและการวิจัยทั้งทางรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ ตลอดจนสาขาวิชาอื่นๆ เท่านั้น แต่นัยของประเด็นและความเป็นท้องถิ่น ได้เป็นพื้นที่ของการวิเคราะห์ในระดับหน่วยย่อยที่สะท้อนภาพความเข้มแข็งและรากเหง้าของประเด็นปัญหาทางการเมือง สังคมและการบริหารจัดการรัฐสมัยใหม่ ที่ปรากฏชัดในการบรรจุประเด็นเรื่องท้องถิ่นในแผนพัฒนาและการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติในรอบหลายปีที่ผ่านมา นอกจากนี้แล้ว ยังกล่าวได้ว่าท้องถิ่นยังเป็นแหล่งพลังทางปัญญาและตัวชี้วัดของการพัฒนาในมิติต่างๆ สิ่งเหล่านี้ได้นำไปสู่การให้ความสำคัญกับการสร้างประเด็นทางการศึกษา ข้อถกเถียงและสาระความรู้ที่แสดงออกถึงความก้าวหน้า ความคิดริเริ่มและความน่าสนใจในเรื่องท้องถิ่น ซึ่งนอกจากสาระด้านการเมือง การปกครอง การบริหารจัดการแล้ว ยังครอบคลุมไปถึงเรื่องภูมิปัญญา ปราชญ์ชาวบ้าน วัฒนธรรม จิตวิญญาณ ศักยภาพและวิถีของชุมชนที่ใช้ในการจัดการด้านต่างๆ ซึ่งมีความแตกต่างหลากหลายกันในแต่ละพื้นที่ รวมไปถึงการประยุกต์และการปรับตัวของท้องถิ่นจากปัจจัยและแรงกดดันจากภายนอก จากกรอบข้างต้นนำมาสู่ประเด็นที่ควรเกิดการถกเถียงอภิปรายในวงการวิชาการภายใต้กรอบ “การเมืองของรัฐและท้องถิ่นไทย’’ ได้แก่ (1) การเมืองไทยรูปแบบใหม่ 3. นโยบายของรัฐ (2) บทบาทของสื่อกับการเมืองไทย (3) วัฒนธรรมไทยกับรัฐธรรมนูญ (4) นิติรัฐกับการสร้างความเข้มแข็งของระบอบประชาธิปไตยไทย (5) การเมืองของความยุติธรรมและการจัดการความขัดแย้ง (6) การเมืองกับการเลือกตั้งในอีสาน (7) ปราชญ์ชาวบ้านและภูมิปัญญาท้องถิ่นในกระสของการพัฒนาการเมือง เศรษฐกิจและชุมชนฐานราก (8) ชุมชนเข้มแข็งภาคอีสานภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์ (9) การปรับตัวของท้องถิ่นและโครงสร้างทางสังคมในระดับต่างๆ (10) การปรับบทบาทและพัฒนาการในด้านต่างๆขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไทย ภายใต้กระแสการเปลี่ยนแปลง (11) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในฐานะองค์กรที่ทำหน้าที่รองรับการกระจายอำนาจและส่งเสริมการปกครองตนเอง ภายใต้ประเด็นหลัก 11 หัวข้อ อาจมีประเด็นย่อยหลายหัวข้อ ภาระที่ท้าทายของรัฐและระบบราชการจากประเด็นเรื่องโลกาภิวัตน์และท้องถิ่นภิวัตน์ คือ ทำอย่างไรจึงจะสามารถปรับเปลี่ยนนโยบายและหลักกฎหมายในการบริหารประเทศให้สอดคล้องกับความเป็นจริงของสังคม วัฒนธรรมแต่ละพื้นที่หนึ่งๆ ได้ นอกจากนี้ เมื่อนโยบายสาธารณะ คือ รูปธรรมของผลผลิตทางการเมือง ที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตของผู้คนในสังคมทุกระดับ โดยเฉพาะในบริบทสังคมประชาธิปไตยที่กระบวนการนโยบายมีความเกี่ยวข้องกับตัวแสดงทั้งที่มีอำนาจหน้าที่และไม่มีอำนาจหน้าที่ ซึ่งนำมาสู่ประเด็นทางการศึกษาที่แตกแขนงแยกย่อยออกไปได้อย่างมากมาย จากกรอบข้างต้นนำมาสู่ประเด็นที่ควรเกิดการถกเถียงอภิปรายในวงการวิชาการภายใต้กรอบ “นโยบายของรัฐ” คือ (1) รัฐธรรมนูญกับกระบวนการนโยบายสาธารณะ (2) การบริหารภาครัฐแนวใหม่ (3) การปรับตัวขององค์กรภาครัฐในการจัดการปกครอง (4) นโยบายสาธารณะกับการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงภายในและภายนอกประเทศ (5) การเมืองในกระบวนการนโยบาย (6) ประชาธิปไตยกับการบริหารจัดการบ้านเมืองที่ดีภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์ภายใต้ประเด็นหลัก 6 หัวข้อ อาจมีประเด็นย่อยหลายหัวข้อ 4. อื่นๆ การถกเถียงอภิปรายในประเด็นเชิงปรัชญาการเมืองและทฤษฎีการเมืองโดยเฉพาะอย่างยิ่งการสำรวจตรวจสอบการปรับตัวและการประยุกต์ใช้องค์ความรู้ทางปรัชญาการเมืองและทฤษฎีการเมืองกับสถานการณ์ในปัจจุบันเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งเพราะการศึกษาดังกล่าวจะเป็นการสร้างคำอธิบายและการประเมินประสบการณ์ทางสังคมในช่วงระยะเวลาหนึ่งๆนอกจากนั้นการศึกษาทางปรัชญาการเมืองและทฤษฎีการเมืองทำให้มนุษย์สามารถนำประสบการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันมาร้อยเรียงเป็นองค์ความรู้และสามารถนำประสบการณ์เหล่านั้นมาเปรียบเทียบหรือแม้กระทั่งสามารถควบคุมประสบการณ์เหล่านั้นได้ ในแง่นี้ การทบทวนความรู้และความเข้าใจปรัชญาการเมืองและทฤษฎีการเมืองของสำนักคิดต่างๆ จึงความสำคัญ เนื่องจากการทบทวนดังกล่าวจะเปรียบเสมือนเป็น “การชำระ” องค์ความรู้ที่มีมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน ซึ่งการกระทำดังกล่าวย่อมมีส่วนช่วยให้เกิดบรรยากาศของการถกเถียงและแลกเปลี่ยนความรู้ในวงวิชาการ ซึ่งจะก่อให้เกิดการเจริญเติบโตทางปัญญาในสังคมต่อไป จากกรอบข้างต้นนำมาสู่การประเด็นต่างๆ ดังนี้ (1) ปรัชญาการเมืองและทฤษฎีการเมืองร่วมสมัย (2) การปรับตัวของปรัชญาการเมืองและทฤษฎีการเมืองในยุคสมัยต่างๆ | ||
| ||
| ||
การประชุมโต๊ะกลมเครือข่ายคณบดีรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ การประชุมและพบปะกันระหว่างคณบดีหรือผู้แทนจากคณะหรือสาขาวิชารัฐศาสตร์ และ รัฐประศาสนศาสตร์ของมหาวิทยาลัยต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อทำความรู้จัก รวมทั้งสร้างและพัฒนาแนวทางความร่วมมือทางวิชาการระหว่างสถาบันอุดมศึกษา รวมไปถึงการพัฒนาเครือข่ายความร่วมมือในด้านต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการสร้างประชาคมวิชาการและวิจัยทางรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ ต่อไป | ||
| ||
การเสนอผลงาน 1. แบบบรรยาย (Oral Presentation) - ให้นำเสนอ Microsoft Power Point - นำเสนอเป็นภาษาไทย - ส่งบทคัดย่อเป็นภาษาไทย ภาษาอังกฤษและบทความฉบับเต็ม ส่งภายในวันที่ 30 สิงหาคม 2553 2. แบบโปสเตอร์ (Poster Presentation) - ให้จัดทำโปสเตอร์กว้าง 80 ซ.ม. x ยาว 100 ซ.ม. - ส่งบทคัดย่อเป็นภาษาไทย ภาษาอังกฤษและบทความฉบับเต็ม ส่งภายในวันที่ 30 สิงหาคม 2553 รูปแบบบทคัดย่อ 1. ต้นฉบับบทคัดย่อจัดทำลงกระดาษ ขนาด A4 พิมพ์บทคัดย่อภาษาไทยและภาษาอังกฤษ อย่างละไม่เกิน 1 หน้า โดยใช้ตัวอักษร Angsana New 14 (ดาวน์โหลดแบบฟอร์มบทคัดย่อภาษาไทยและภาษาอังกฤษ) 2. รายละเอียดตามลำดับดังต่อไปนี้ ตั้งค่าหน้ากระดาษ (Page Setup)
: ภาษาไทย พิมพ์ด้วยอักษรเข้ม Angsana New 16 : ภาษาอังกฤษ พิมพ์ด้วยอักษรเข้ม Angsana New 16 และตัวนำทุกตัวเป็นตัวอักษรพิมพ์ใหญ่ (Capital Letters) 4. ชื่อผู้เขียนและผู้ร่วมเขียน/ ผู้วิจัย : ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ พิมพ์ด้วยอักษรเข้ม Angsana New 14 ใช้สัญลักษณ์ * หลังนามสกุลผู้เขียน และอ้างตำแหน่งทางวิชาการ (ถ้ามี)ไว้ใน Footnote ด้านล่างตัวอักษรเอียง Angsana New 12 5. ส่วนของเนื้อหา (Angsana New 14) 6. ชื่อผู้เขียนและผู้ร่วมเขียน/ ผู้วิจัย : ภาษาไทยและภาษาอังกฤษพิมพ์ด้วยอักษรเอียง Angsana New 12 และอ้างไว้ใน Footnote โดยใช้สัญลักษณ์ ** 7. คำสำคัญและ Keywords ไม่เกิน 4 คำ (Angsana New 14 อักษรเข้ม) | ||
|
วันจันทร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2554
รศ.สีดา สอนศรี ประธานการจัดงาน การประชุมวิชาการรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์แห่งชาติ ครั้งที่ 11 มีปาฐถกถาพิเศษ บรรยายพิเศษจากนักวิชาการทั่วทุกภูมิภาค
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)